A World Without โลกไร้รัก

มีใครเคยได้ยินประโยค ‘กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ไม่โรแมนติก’ มั้ยครับ เมืองที่ไม่มีสถานที่ที่ทำให้คนไปเจอกันได้นอกจากห้าง ถนนฟุตบาทก็เดินยากซะจนมองแต่พื้นไม่มองหน้าใคร ระบบขนส่งสาธารณะก็เข้าถึงยากและเดินทางลำบากจนไม่มีอารมณ์จะพิศวาสใครต่อใครได้ วันนี้ผมอยากชวน ดูหนังใหม่ออนไลน์ เรื่องหนึ่งที่ได้คาดการณ์โลกของเราในอีก 10 ว่าเด็กรุ่นใหม่จะหาคู่กันได้โดยวิธีไหน กับหนังสัญชาติอินโดนีเซียเรื่อง ‘A World Without โลกไร้รัก’

A World Without ภาพยนตร์แนว ดราม่า Drama กำกับโดย Nia Di Nata ในประเทศที่การออกเดทเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เด็กสาววัยรุ่นสามคนที่แสวงหาความสุขตัดสินใจเข้าร่วมชุมชนสันโดษที่นำโดยผู้นำที่มีเสน่ห์

โลกในปี 2030 ได้เกิดวิกฤตภาวะโลกรวนหนักขึ้น มลพิษทางอากาศและทางน้ำนั้นเกินเยียวยา ส่งผลให้มนุษย์ใช้ชีวิตยากขึ้น และเมื่อ 10 ปีก่อนได้เกิดไวรัสที่ทำให้ประชากรโลกล้มตายไปเป็นจำนวนมาก เด็กรุ่นใหม่ที่เติบโตมาหลังจากนั้นใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่ได้เข้าสังคม ไม่เคยเห็นต้นไม้ และเด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่ไม่รู้จักความรัก อีกทั้งรัฐบาลยังได้ออกกฎหมายห้ามออกเดทเพราะจะเสี่ยงติดโรคภัยต่างๆ อาลีและโซฟี คู่รักเศรษฐีชาวอินโดนีเซียจึงคิดค้นแอปพลิเคชันที่เรียกว่า ‘เดอะไลท์’ ซึ่งมีไว้ให้เด็กวัยรุ่นหาคู่กันได้อย่างแม่นยำ เช่น เมื่อสมัครแอคเคาท์แอปจะทำหน้าที่หาใครก็ตามในแอปมาให้และวิเคราะห์ว่าทั้งสองคนเข้ากันได้กี่เปอร์เซ็นต์ ถ้าหากคู่นั้นแอปพลิเคชันวิเคราะห์ว่าเหมาะสมกันเกิน 90 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคู่แท้กันในชีวิตจริง แต่มากไปกว่านั้น ถ้าสมัครแบบระบบพรีเมียม ทางบริษัทจะพาสมาชิกมายังสถานที่แห่งหนึ่งที่รายล้อมด้วยผืนป่าและหนุ่มหล่อสาวสวย พร้อมกับมีระบบเอไอที่คอยช่วยป้องกันอันตรายได้อีกด้วย ตารา ซาลีน่า อุลฟาห์ เพื่อนซี้สาวทั้งสามคนในวัย 16 ปี จึงตัดสินใจสมัครระบบพรีเมียมเพื่อหวังว่าจะได้พบเจอคนที่พวกเธอถูกใจในสถานที่ของเดอะไลท์ วันแรกที่ก้าวเข้าสู่พื้นที่แห่งนี้ สมาชิกทุกคนได้มาฟังคำบรรยายของผู้ก่อตั้งอย่างอาลีและโซฟี เพื่อปลุกให้วัยรุ่นได้มั่นใจและเป็นตัวของตัวเอง ตารา ร้องไห้ออกมาเพราะเธอคิดว่าไม่เหมาะที่จะมาอยู่ในที่แห่งนี้ แต่อาลีลงจากเวทีและเข้าไปปลอบเธอ ทำให้เธอกลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง

อินโดนีเซียในปี 2030 มีกฎหมายห้ามออกเดทก็จริงแต่ก็ออกกฎหมายที่ย้อนแย้งกันเพิ่มขึ้นมานั่นคือ ในวัย 17 ก็สามารถแต่งงานได้แบบถูกกฎหมายแล้ว แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีประชาชนบางส่วนที่เห็นว่าให้เพิ่มเป็นอายุ 19 ซึ่งอาลีสามารถล่ารายชื่อคัดค้านได้มากกว่า กฎหมายนี้จึงยังคงอยู่ การเข้ามาอยู่ในเดอะไลท์ไม่ใช่ทำอะไรได้ตามใจชอบ ผู้หญิงและผู้ชายจะแยกกันอยู่ และจะสามารถพูดคุยกันได้แค่ตอนทำกิจกรรมร่วมกันเท่านั้นเพื่อลดการเกิดอารมณ์ทางเพศ ในส่วนของผู้หญิงจะต้องตื่นตั้งแต่ตีห้า เพื่อมาออกกำลังกาย เข้าคอร์สแต่งหน้าและเลี้ยงลูก พวกเธอจะต้องลบแอคเคาท์ในโซเชียลออกให้หมดและสมัครบัญชีใหม่ วันต่อมา มีคอร์สหนึ่งให้ชายหญิงจับคู่กับทำภารกิจถ่ายหนังสั้น ซาลีน่าได้คู่กับหนุ่มเนิร์ดคนหนึ่งชื่อ ฟิซ ทั้งคู่ออกไปถ่ายนอกสถานที่ ซึ่งซาลีน่าทำหน้าที่ถ่ายและฟิซเป็นคนตัดต่อ ระหว่างที่อยู่นอกสถานที่ ซาลีน่าพบกับเพื่อนเก่าตอนม.ต้น ซึ่งเตือนเธอว่าเดอะไลท์นั้นเป็นบริษัทที่หลอกลวงให้เธอรีบออกมาจากโครงการทันที ขณะเดียวกัน เธอกับฟิซก็เริ่มทำความรู้จักและสนิทสนมกัน แต่สิ่งที่เพื่อนเตือนก็ยังค้างคาใจ หรือว่าสิ่งที่อาลีและโซฟีพูดมาทั้งหมดจะเป็นเพียงคำหลอกลวง

เรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่าหนังต่อยอดจากโควิด-19 ว่าในอนาคตนั้นโลกจะเป็นยังไง ซึ่งเอาจริงผมค่อนข้างชอบคอนเส็ปต์การหาคู่ของโลกอนาคตจากในหนังนะ โดยเฉพาะหนังในจิกกัดสังคมชายเป็นใหญ่ในอินโดนีเซียเข้าไปด้วย ที่ต้องมีทั้งเรื่องศีลธรรมและการรักนวลสงวนตัว โดยรวมแล้วชอบช่วงแรกมากๆ แต่พอเข้าสู่ช่วงกลางของเรื่องเหมือนหนังไม่เดินหน้าไปไหน