ค้นหาหนัง

A Time to Kill | ยุติธรรมอํามหิต

A Time to Kill | ยุติธรรมอํามหิต
เรื่องย่อ : A Time to Kill | ยุติธรรมอํามหิต

เรื่องราวความดราม่าอาชญากรรมของภาพยนตร์“ยุติธรรม อำมหิต (A Time To Kill)” เริ่มขึ้นเมื่อ ทอนย่า เด็กน้อยผู้บริสุทธิ์ชาวแอฟริกัน-อเมริกัน ถูกข่มขืนและทำร้ายร่างกายโดยเด็กหนุ่มที่ดื่มเบียร์จนเมามาย2 คน ที่เมืองแคลตัน รัฐมิสซิสซิปปี้ คาร์ล พ่อของเธอโกรธแค้นเป็นอย่างมากและไม่คิดที่จะปล่อยคนเลวเช่นนั้นให้เป็นอิสระ เขาตัดสินใจที่จะลงโทษเหล่าเด็กหนุ่มพวกนั้นด้วยมือของตัวเอง ซึ่งในที่สุด คาร์ล ก็ฆ่าคนที่ทำร้ายลูกสาวของเขาภายในบ้านของตัวเอง โดยมีพยานรู้เห็นมากมาย แจ็ก บริแกนซ์เป็นหนึ่งในผู้คนที่พร้อมจะอยู่ข้างการกระทำของคาร์ลครั้งนี้รวมไปถึงแฮรี่, แอลเลน และ ลูเซียน ทั้งหมดต่างยื่นมือเข้าช่วยผ่านทางทนายรูฟัส บักลี่ย์ การพิจารณาคดีของชายผิวดำครั้งประวัติศาสตร์ในมิสซิสซิปปี้ครั้งนี้ จะมีบทสรุปอย่างไร

IMDB : tt0117913

คะแนน : 10



1996 เป็นปีที่หนังเรื่องนี้ออกฉาย ฉันยังอ่อนประสบการณ์เรื่องการดูหนังในโรงมาก จำได้ว่านี่เป็นหนังเรื่องที่สามในชีวิต ที่ฉันได้ซื้อตั๋วเข้าไปนั่งดู และเดินออกมาด้วยความคิดที่ว่า..สักวันหนึ่ง ฉันจะมีหนังเรื่องนี้เก็บไว้ดูเองให้ได้

หลายปีต่อมา ฉันเสาะหาจนได้ซีดีเรื่องนี้มาไว้ในครอบครอง และทุกครั้งที่หยิบขึ้นมาดู ก็ยังสัมผัสได้ถึงความทรงพลังของมัน ที่แฝงด้วยประเด็นต่างๆมากมาย ทั้งทางศีลธรรม ความเหลื่อมล้ำต่ำสูงในสังคม หรือกระทั่งชี้ให้เห็นโมหะจริตในหัวใจมนุษย์ ที่สอดแทรกไว้แทบทั้งเรื่อง ไดอะล็อกเฉียบคม ที่ฟังทุกครั้งก็ยังต้องนั่งอืมม์...นะ อยู่ในใจ

หนัง ดำเนินเรื่องด้วยบรรยากาศและโทนสีร้อนแรงตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ ฉากแรกแม้คนดูจะรู้สึกว่า...มันเป็นวันที่อากาศสดใส.. แต่มันก็ร้อน และวันร้อนๆนั้น ก็นำมาซึ่งเหตุการณ์ร้อนๆเหตุการณ์หนี่ง ที่เกิดขึ้นในเมืองเล็กๆ ของมิสซิสซิปปี้

เมื่อวัยรุ่นผิวขาวผู้เมามายสองคน ลากตัวทอนย่า เด็กหญิงผิวดำผู้มีอายุเพียง 10 ขวบไปข่มขืนและทุบตีเธอปางตาย แต่สุดท้ายเด็กหญิงผู้นั้นกลับรอดตายราวปาฎิหารย์

คาลี แฮลลี่ (รับบทโดย ซามวล แอล แจ๊คสัน) พ่อผิวดำผู้ผ่านความบอบช้ำทางใจอย่างแสนสาหัส ได้ตัดสินใจตั้งศาลเตี้ยตัดสินความสองวัยรุ่นด้วยมือตัวเอง เหตุเพราะขาดศรัทธา ในกระบวนการยุติธรรม เหตุเพราะเชื่อมั่นว่าคนขาวยังเป็นชนชั้นอภิสิทธิ์ชนอยู่เสมอ ในอเมริกา ด้วยการลากปืนบุกเข้าไปกราดยิงวัยรุ่นสองคน ในวันที่ขึนศาล เฮลลีจึงต้องกลายเป็นจำเลยในคดีฆาตกรรม แทนที่จะเป็นโจทย์ในคดีของลูกสาว

เจก บรีแกน (รับบทโดย แมทธิว แมคคอนาเฮย์) ทนายหนุ่มผิวขาวผู้กระโดดเข้ามารับว่าความให้เฮลี ด้วยสถานะการณ์หลายอย่างที่บีบคั้นเขาอยู่รอบด้าน ชายหนุ่มอาจคิดเพียงว่า หากเขาพลิกคดีให้เฮลี่รอดพ้นจากห้องแก๊สได้ เขาจะกลายเป็นทนายผู้มีชื่อเสียงชั่วข้ามคืน และนั่นอาจทำให้เขากู้สถานะสำนักงานกฎหมายของเขา ที่กำลังจะล่มแหล่มิล่มแหล่ให้กลับคืนมาได้ แต่สุดท้ายเขาเองได้เรียนรู้ที่จะมองคนดำ และอาจหมายรวมไปถึงการปรับเปลี่ยนวิธีคิด และดำเนินชีวิตเสียใหม่ ในแบบที่เขาเองไม่เคยปฎิบัติมาก่อน จากการที่ได้เข้าไปคลุกคลีกับเฮลี นั่นเอง

ขณะที่ในศาล ทนายทั้งสองฝ่ายงัดเอากลยุทธ์ ต่างๆมาหักล้าง และทำลายความน่าเชื่อถือกันอย่างเข้มข้น เหตุการณ์นอกศาลก็ดุเดือดไม่แพ้กัน เมื่อเสื่อมวลชนพากันจิกทึ้งคดีนี้ เพราะมันเป็นกรณีระหว่างคนขาว กับคนดำ

ขบาวนการ คูคลักแคลน ที่หายหน้าไปหลายปี ถูกปลุกให้ฟื้นคืนชีพ เพื่อข่มขวัญคนที่อยู่รอบกายของ บรีแกน และบีบคั้นให้ บรีแกน เลิกล้มความตั้งใจที่จะว่าความให้เฮลี แต่ชายหนุ่มก็ยังดึงดันทำตามความตั้งใจของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะเกิดความสูญเสียหลายอย่าง ขึ้นกับครอบครัวและผู้คนรอบข้างก็ตาม

หนังดำเนินเรื่องไปได้เรื่อยๆ แม้ดูเยิ่นเย้อบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับอึดอัด เพราะนอกจากพล๊อตหลักแล้ว ยังมีพล๊อตรองเข้ามาเสริม ทำให้หนังมีความต่อเนื่องและดูสมจริง เหตุการณ์ที่ค่อยๆรุนแรงขึ้น อารมณ์ของหนังก้ค่อยๆพีคขึ้น จนถึงจุดสูงสุด และสรุปลงด้วยผลลัพท์ ที่คนดูคาดเดาเอาไว้แล้ว ว่ามันจะลงเอยแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้สะดุดหรือเสียความรู้สึก เนื่องด้วยว่ามันมีความสมเหตุสมผล

นอกจากดาราชูโรงทั้งสองคนแล้วยังมีดาราระดับแม่เหล็ก อีกหลายคนที่ร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้ อาทิ แซนดร้า บูลล้อก โดนัล และ คีเฟอร์ ซุทเธอร์แลนด์ เควิน เสปซี่ย์ ฯลฯ A TIME TO KILL นับเป็นหนังดราม่าเข้มข้นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ถ้าใครเป็นคนนิยมหนังแนวนี้ไม่ควรพลาด

แซดร้า บูลล้อก รับบทเป็นนักศึกษากฎหมาย ที่ยื่นมือเข้ามาช่วย บรีแกนทำคดี ด้วยศรัทธาที่เปี่ยมล้นว่ามนุษย์ทุกคน มีศักยภาพที่จะปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงตัวเองใปในทางที่ดี ไม่ว่าคนผู้นั้นจะกระทำเรื่องเลวร้ายแค่ไหน ก็ไม่ควรต้องถูกตัดสินให้ประหารชีวิต

โดยส่วนตัวหากจะถามว่าประทับใจอะไรหนังเรื่องนี้ ก็คงต้องบอกว่าหลายอย่าง แต่มีบางคำพูด ซึ่งเป็นไดอะล๊อก ของบรีแกน พูดไว้ในตอนจบของเรื่อง ซึ่งฉันประทับใจที่สุด แต่มันเป็นไดอะล๊อกที่ยาวเลย จะขอยกเอาแค่ส่วนหนึ่งมาให้เพื่อนๆอ่าน และทิ้งท้ายให้เพื่อนได้คิดด้วยไดอะล็อกนั้นค่ะ

"ผมมีคำสรุปคดีที่ร่างไว้ คารมทนายเฉียบคม แต่ผมจะไม่อ่านมันหรอกครับ ผมมานี่..เพื่อขอขมา ผมอายุน้อย ขาดประสบการณ์ แต่ท่านไม่อาจให้ คาร์ลี เฮลี่ เป็นผู้รับผิดชอบต่อความบกพร่องของผม

ท่านจะเห็นว่าในกระบวนการพิจารณา บางอย่างได้สูญหายไป บางอย่างซึ่งเป็นความจริง และเป็นหน้าที่ของทนายอย่างเราที่จะไม่พูดถึงความจริง แต่จะต้องขุดคุ้ย ค้นหา และคงอยู่กับมัน อาจารย์ผมสอนอย่างนั้น.....

.......ผมอยากพิสูจน์ว่าคนดำอาจได้ความเป็นธรรมในศาลได้ ซึ่งเราทุกคนเท่าเทียมกันในสายตาของกฎหมาย แต่นั่นไม่ใช่ความจริง เพราะสายตากฎหมายคือสายตามนุษย์ อย่างเราท่าน หากเราไม่มองทุกคนเสมอภาค ความยุติธรรมย่อมไม่มีวันบังเกิด มันจะไม่ใช่อะไรนอกจากผลสะท้อนจากอคติของเราเอง จนกว่าจะถึงวันนั้น เรามีหน้าที่ใต้บาทพระเจ้าค้นหาความจริง ไม่ใช่ด้วยสายตา ไม่ใช่ด้วยสมอง ที่ความกลัวและความเกลียดชังประกอบกันเป็นอคติ แต่ด้วยหัวใจซึ่งรู้ดีกว่าที่ใด"