ค้นหาหนัง

A River Runs Through It | สายน้ำลูกผู้ชาย

หมวดหมู่ : หนังดราม่า
A River Runs Through It | สายน้ำลูกผู้ชาย
เรื่องย่อ : A River Runs Through It | สายน้ำลูกผู้ชาย

River Runs Through It เป็นหนังที่สร้างจากเรื่องจริง จากชีวิตของสองพี่น้องคนธรรมดาๆ ครอบครัว Maclean ผู้มีพ่อเป็นบาทหลวง ที่เฝ้าดูและอบรมลูกชายทั้ง 2 อย่างสุขุมลึกซึ้ง แต่ท้ายสุดแล้ว ทั้งสองคนต่างเลือกทางเดินชีวิตในแบบของตัวเอง ที่ผิดแผกแตกต่างกันอย่างคาดไม่ถึง แม้ว่าสิ่งหนึ่งในชีวิตที่ทั้งคู่จะรักและเข้าใจคล้ายๆกัน นั่นคือการตกปลาในแม่น้ำเมือง Montana ที่พวกเขาเติบโตมา หนังเรื่องนี้ใช้ฉากชีวิตในชนบท มีฉากสายน้ำและเรื่องราวการตกปลาเป็นภาพการถ่ายทอดสำคัญ การดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างสงบเรียบ แต่สอดแทรกได้ครบทุกองค์ประกอบของเรื่องราว จึงไม่แปลกใจที่รางวัลและการเสนอชื่อให้กับหนังเรื่องนี้จะเอียงเทไปทางบทภาพยนตร์ การถ่ายภาพ และผู้กำกับ มากกว่าตัวนักแสดง

IMDB : tt0105265

คะแนน : 10



นี่คงภาพที่ทำให้หลายๆ คนจดจำ หากได้ชม A River Runs Through It ผลงานกำกับของ โรเบิร์ต เรดฟอร์ด ที่ออกฉายเมื่อปี 1992 ไม่น่าเชื่อว่ากาลเวลาผ่านไปว่องไวดุจเดียวกับสายน้ำ เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่งจะฉลองครบรอบ 20 ปี ไปเมื่อปีที่แล้วนี้เอง

หนังเรื่องนี้ได้รับการกล่าวขวัญมากที่สุดเรื่องหนึ่งในทศวรรษที่ 90 ไม่ใช่เพียงความสวยงามของภาพที่ถูกถ่ายทอดบนแผ่นฟิล์ม จนสามารถคว้ารางวัลออสการ์สาขากำกับภาพยอดเยี่ยมมาครอง แต่ยังเป็นหนังที่ (เขาว่ากันว่า) เปลี่ยนโฉมหน้าของรัฐมอนตาน่าไปอย่างมากมายตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา

A River Runs Through It เป็นหนังที่สร้างจากนิยายชื่อเดียวกัน ของ นอร์แมน แมคลีน ที่เขาอ้างอิงฉากชีวิตส่วนหนึ่งของเขามาเขียนเป็นนิยาย โดยเฉพาะเรื่องแม่น้ำและการตกปลาเรื่องราวชีวิตครอบครัวหนึ่งใน เมืองมิสซูล่า ของรัฐมอนตาน่า พ่อผู้เป็นศาสนาจารย์และเคร่งครัดในกฎระเบียบ กับลูกชายสองคนซึ่งมีปรัชญาดำเนินชีวิตที่ต่างกัน ทั้งด้านความคิด และทัศนคติ

ในขณะที่นอร์แมน พี่ชายจริงจังในเรื่องต่างๆ รวมถึงทัศนคติที่ต่อต้านพ่อ พอลผู้เป็น น้องชายกลับขอบใช้ชีวิตสบายๆ ดื่มกิน เล่นไพ่ และเป็นนักเขียนของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น แต่กิจกรรมสำคัญร่วมกันของครอบครัวนี้ คือการไปเข้าโบสถ์ทุกวันอาทิตย์และการตกปลาที่แม่น้ำ ท่ามกลางบรรยากาศแห่งขุนเขา แมกไม้ และสายน้ำได้หลอมรวมชายทั้งสามให้เข้าใจกันและกันผ่านการตกปลา

มอนตาน่าและแม่น้ำแบล็คฟุต ในฐานะบ้านเกิดของเรื่องราว และโลเกชั่นถ่ายทำหนังเรื่องนี้ ได้รับอิทธิพลของหนังนับตั้งแต่เริ่มออกฉาย ก่อนหน้านั้นหากใครพูดถึงการตกปลาแบบ fly fish (คือตกโดยใช้เหยื่อปลอม ต้องอาศัยใช้แรงเหวี่ยงและจังหวะในการตวัดสายเบ็ดออกไป) หลายคนอาจจะไม่เข้าใจว่าคืออะไรด้วยซ้ำ แต่ในปีแรกที่หนังฉาย อุตสาหกรรมการตกปลา แบบ fly fish โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวนั้นกลับเติมโตขึ้นไปถึง 60 % และหลังจากนั้นก็พุ่งขึ้นไปอีกกว่า 60 % ในปีถัดมา

นักตกปลาทั้งมือใหม่มือเก่าต่างก็มุ่งหน้าสู่รัฐมอนตาน่า เพื่อไปให้ถึง “สายน้ำ” ที่งดงามเส้นนั้น ซึ่งมีทั้งสถานที่จริงถ่ายทำ คือ แม่น้ำเยลโลสโตน แกลลาติน โบลเดอร์ และแบล็คฟุต ทั้งยังขยายไปยังที่อื่นๆ ในรัฐมอนตาน่าด้วย แน่นอนว่าย่อมส่งผลโดยตรงกับคนในท้องถิ่น การท่องเที่ยว การค้าและการตกปลาได้รับอานิสงค์เต็มที่ แต่อย่างไรก็ดี ชาวเมืองส่วนหนึ่งก็ไม่พอใจกับการที่มีคนอพยพเข้ามามาก และการ “โต” ที่เร็วไปของเมือง รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เข้ามาทำให้บรรยากาศความเงียบสงบและสวยงามของแถบนี้เปลี่ยนไป

แม้แต่ โรเบิร์ต เรดฟอร์ด ผู้กำกับเอง ก็ออกจะเซ็งๆ อยู่ไม่น้อย เพราะโดนวิจารณ์ในฐานที่ทำให้มอนตาน่าได้รับความสนใจมากเกินควร และความตั้งใจของเขาเมื่อแรกถ่ายทำหนัง ก็เพราะต้องการให้คนรู้สึกรักและอยากจะอนุรักษ์ความสวยงามตามแบบดั้งเดิมของมันไว้ และเมื่อเขากลับมาถ่ายทำหนัง The Horse Whispererอีกครั้งที่มอนตาน่า เขาถึงกับเก็บชื่อสถานที่ถ่ายทำจริงไว้เป็นความลับ เพราะไม่ต้องการให้นักท่องเที่ยวหรือนักธุรกิจเข้าไปกอบโกยผลประโยชน์จากพื้นที่นั้นอีก

อย่างไรก็ตาม ข้อดีของเรื่องนี้ก็ยังมีอยู่มากโข เพราะแม่น้ำแบล็คฟุตที่เป็นต้นกำเนิดของเรื่องราวนั้น ก็ได้ถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ เพราะแม่น้ำสายนี้ก่อนที่หนังจะฉายอยู่ในสภาพเสื่อมโทรมมาก สืบเนื่องจากของเสียจากการเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ซึ่งตอนแรก เรดฟอรด์ก็ตั้งใจจะใช้แบล็คฟุตเป็นที่ถ่ายทำ แต่เมื่อไปเห็นสภาพแล้วถึงกับส่ายหัวแล้วมองหาที่อื่นแทน แต่หลังจากที่หนังออกฉาย และนักท่องเที่ยวต่างให้ความสนใจมาเที่ยวกันมากขึ้น และพบกับความจริงที่ว่าแบล็คฟุตไม่ได้สวยงามเหมือนที่แมคลีนได้บรรยายไว้สมัยที่เขายังเป็นเด็ก จึงได้เกิดการระดมทุนและลงแรงเพื่อฟื้นฟูแม่น้ำเส้นนี้ให้กลับมาใสสะอาดอีกครั้ง

จอห์น แมคลีน ลูกชายของผู้ประพันธ์ ก็บอกว่า “ตอนนี้ (แบล็คฟุต) กลับมาดีเหมือนตอนสมัยที่ผมยังจำได้แน่นอนว่ามันคงเทียบไม่ได้กับตอนต้นศตวรรษที่ 20 สมัยที่พ่อผมยังตกปลาที่นั่นอยู่ และมันก็คงไม่สามารถเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว

แต่เงินจำนวนหลายล้านเหรียญที่ได้รับเพื่อฟื้นให้แม่น้ำสายนี้และอีกหลายๆ สายได้กลับคืนมาได้ ก็เพราะหนังเรื่องนี้จริงๆ