IMDB : tt1718924
คะแนน : 9
อันที่จริงแล้วการเปิดเรื่องด้วยการชิงดีชิงเด่นในที่ทำงานน่าจะเป็นการช่วยปูข้อมูลตัวละคร เดน เจนเซ่น ได้ดีว่าเขาต้องทำงานหนักแค่ไหนในการหาเลี้ยงครอบครัวจนถึงขั้นต้องทำบาปทำกรรมอะไรไว้บ้าง เพื่อที่หนังจะได้ขยี้ปมความผิดบาปของเขาหลังหนังดำเนินมาถึงเหตุการณ์ที่ไรอันป่วยหนัก แต่ปัญหาคือกว่าเราจะได้รับรู้ปมปัญหาครอบครัวของเดนก็ปาไปเกือบครึ่งเรื่อง มิหนำซ้ำดราม่าผัวเมียระหว่าง เดน กับ เอลลีส (เกรตเชน โมล) ก็ดูจะจบง่ายเพราะฝ่ายหญิงมักแพ้เสน่ห์ของผัวที่หาเลี้ยงครอบครัวจนทำให้ตัวละครอย่าง เอลลีส ที่น่าจะอยู่ฝั่งแม่ผู้เห็นค่าของเวลาครอบครัวดูมีเพาเวอร์ในการเรียกความเห็นใจของผู้ชมน้อยไปโดยปริยาย ยังดีที่ความไร้เดียงสาของ ไรอัน สามารถเรียกคะแนนสงสารจากผู้ชมจนทำให้ซีนสำรวจตึกระหว่างเขากับพ่อน่าประทับใจไม่น้อยเลยทีเดียว รวมถึงการสร้างซีนที่ให้ความสำคัญกับอารมณ์ความรู้สึกตัวละคร โดยซีนที่โดดเด่นมากคือตอน เอลลีส ไปที่โรงเรียนแล้วพยายามเคลียร์กองทิชชู่ที่เพื่อนนักเรียนนำมาวางบนโต๊ะไรอันเสมือนว่าเขาไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้ที่น่าจะสะเทือนใจเหล่ามนุษย์แม่ได้จังๆเลยทีเดียว
สำหรับ เจอราด บัตเลอร์ แอ็คชั่นสตาร์ที่คนดูคงคุ้นตาในบทสร้างชื่ออย่างกษัตริย์ลีโอไนดัสจาก 300 (2006) หรือ บทบอดี้การ์ดเลือดเดือดใน Olympus Has Fallen (2013) ดังนั้นการข้ามสายจากบู๊จากดราม่าของเขาเลยน่าจับตามองไม่น้อย แม้จะมีจุดแปร่งๆอย่างฉากออกกำลังกายกับ ไรอัน ที่เหมือน กษัตริย์ลีโอไนดัส มาเลี้ยงลูกให้เป็นนักรบไปหน่อยก็ตาม แต่ในภาพรวม บัตเลอร์ ได้มีโอกาสแสดงฝีมือทางการแสดงที่สั่งสมมาตั้งแต่ตอนเล่นละครเวทีที่ลอนดอนออกมาให้ประจักษ์ทั้งความผิดบาปจากการปล้นโอกาสของคนดีๆหรือพ่อผู้พยายามทำทุกอย่างเพื่อไถ่บาปขอเพียงได้ลูกกลับคืนมาก็สามารถเรียกน้ำตาผู้ชมได้เป็นอย่างดี ส่วนนักแสดงสมทบก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่แพ้กันทั้ง เกรตเชน โมล จากซีรีส์ Boardwalk Empire (2010-2014) ในบท เอลลีส ที่ระเบิดพลังการแสดงในซีนเคลียร์ทิชชู่บนโต๊ะลูกชายที่โรงเรียนจนคนดูต้องเสียน้ำตาหรือ อลิสัน บรี จากซีรีส์ GLOW (2017) ทาง Netflix ที่เปล่งประกายเสน่ห์ในบท ลีน โวเกล นายหน้าสาวเลือดเดือดคู่แข่งของเดน ส่วนรุ่นเก๋า อย่าง วิลเลม เดโฟ และ อัลเฟรด โมลีนา ก็ทำหน้าที่ได้ดีตามมาตรฐาน และที่ขาดไม่ได้คือการแสดงระดับเรียกน้ำตาของรุ่นเล็กอย่าง แม็กซ์ เจนกินส์ ในบทไรอัน ลูกชายผู้ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ใช้เวลาอยู่กับพ่อในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย
สรุปแล้ว A Family Man ถือเป็นตัวเลือกที่แตกต่างสำหรับใครที่กำลังมองหาหนังดรามาครอบครัวยิ้มทั้งน้ำตา