ค้นหาหนัง

A Chinese Odyssey Part One: Pandora's Box | ไซอิ๋วกี่ เดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน 1

A Chinese Odyssey Part One: Pandora's Box | ไซอิ๋วกี่ เดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน 1
เรื่องย่อ : A Chinese Odyssey Part One: Pandora's Box | ไซอิ๋วกี่ เดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน 1

แฟนตาซีผจญภัยเกี่ยวกับการมาถึงของพุทธศาสนาในประเทศจีน เมื่อเทพีแห่งความสุขโยนพระยืนยาวและลูกศิษย์ของเขาออกจากสวรรค์ (เพราะราชาลิงพยายามที่จะบรรลุความเป็นอมตะ) ราชาลิงจะกลับชาติมาเกิดเป็นตัวตลก ตอนนี้เขาใช้เวลาไล่ตามผู้หญิงที่อิจฉาสองคน เมื่อหนึ่งในนั้นกำลังจะตายโจ๊กเกอร์ย้อนเวลากลับไปในความพยายามที่จะช่วยชีวิตเธอ

IMDB : tt0112778

คะแนน : 8



ภาคนี้มีสิ่งที่น่าประทับใจคือ พล็อตเรื่องที่แปลกใหม่ การดัดแปลงบทประพันธ์ไซอิ๋วครั้งนี้ทำได้ดีอย่างลงตัว เรียกว่าลืมตำนานไซอิ๋วแบบเดิมๆไปได้เลย เพราะนี่ไม่ใช่เห้งเจียที่ตามรับใช้พระถังซัมจั๋งดั่งศิษย์อาจารย์ หรือ คอยตามปกป้องพระถังซัมจั๋งจากเหล่าปีศาจ แต่เป็นปีศาจลิงที่โอหัง ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่รู้ฟ้ารู้ดิน และเป็นเห้งเจียที่คิดคบกับปีศาจกระทิงเพื่อเอาเนื้อของอาจารย์ตัวเองมากิน เรียกว่าเป็นหนึ่งในเห้งเจียที่เป็นชั่วช้าที่สุดเลยก็ว่าได้ 

ความชั่วช้าของเห้งเจียได้ลอยไปถึงหูของเจ้าแม่กวนอิม จึงเกิดคำสั่งเด็ดขาดให้ลงโทษเจ้าปีศาจลิง จนเป็นต้นเรื่องที่ทำให้พระถังซัมจั๋งทำอัตวินิบาตกรรมเพื่อชดใช้ในสิ่งที่ลูกศิษย์ของตัวเองได้ทำลงไป การตายของพระถัมซังจั๋งได้ทำให้เง็กเซียนฮ่องเต้ตัดสินใจส่งเจ้าเห้งเจียมาเกิดใหม่ในอีก 500 ปีให้หลัง เพื่อให้สำนึกผิดและสละชีวิตเพื่อผู้อื่น พร้อมร่วมเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎกใหม่อีกครั้ง

ภาคนี้คือเรื่องราว 500 ปีถัดมาจากที่พระถังซัมจั๋งฆ่าตัวตาย เห้งเจียรับบทโดย โจวซืงฉือ ได้มาเกิดใหม่เป็นหัวหน้าโจรชื่อว่า จุนเป่า ที่ไม่มีความทรงจำว่าตนเองเคยเป็นเห้งเจียมาเมื่อ 500 ปีก่อน ในช่วงต้นของเรื่องตัวละครตัวนี้ช่างมีชีวิตที่ไร้แก่นสาร ดักคนปล้นฆ่าไปวันๆ โดยที่ทั้งตนเองและลูกสมุน (มี อู๋ม่งต๊ะ เล่นเป็นรองหัวหน้าโจร ที่ชาติก่อนคือตือโป๊ยก่าย) ล้วนเป็นคนบ้องตื้นกะโหลกกะลาไม่ต่างกัน

และนี่เป็นจังหวะที่เหมาะเหม็งในการใส่แก๊กตลกที่เป็นจุดขายของเรื่องลงไป ซึ่งแน่นอนว่าทั้งโจวซิงฉือและอู๋ม่งต๊ะเป็นที่สุดของดาราตลก ไม่ว่าจะมุกเซ่อ, มุกเคลิ้ม หรือ มุกที่เล่นกันแบบเป็นตับ ก็สามารถเล่นกันได้แสบสันและกวนส้นตีนดีเหลือเกิน ที่สำคัญการถ่ายทำและลำดับภาพทำออกมาได้สมบูรณ์แบบ เรียกว่า 'จังหวะดี' โดยเฉพาะฉากในตำนาน 'บาทาพิฆาตไฟ' ที่มีการใช้เทคนิคถ่ายแบบ Crash-Zoom (นาทีที่ 1:41) หนึ่งในเทคนิคที่ Quentin Tarantino ก็ชอบใช้ เป็นการดึงเข้ารับหน้าแต่ละคนอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างความตื่นเต้นและเน้นให้ผู้ชมดูการแสดงแบบเล่นหูเล่นตาโดยเฉพาะ

ไม่ใช่แค่ฉากนี้ แต่มีอีกหลายมุกในภาคนี้ที่เรียกเสียงฮาจากคนดูได้โดนที่ไม่ต้องอาศัยเสียงพากย์อันยียวนเข้ามาช่วย เพราะเชื่อว่ามุกเหล่านี้ผ่านการคิดและคำนวณมาอย่างถี่ถ้วนแล้วว่ามันต้องไม่แป้ก เรียกได้ว่าในช่วงครึ่งแรกของหนังเป็นรัวมุกกันแบบเข้า-ออกไม่มีหยุด ถือเป็นความสำเร็จของคนคิดมุกที่มีความขยันและครีเอทมันออกมาได้อย่างสดใหม่

เมื่อเข้าสู่กลางเรื่องอารมณ์ของหนังเริ่มเปลี่ยน การยิงมุกตลกเริ่มหยุดลง ตัวละครต่างๆถูกดึงกลับสู่เส้นเรื่องอีกครั้งพร้อมเผยบทบาทที่แท้จริงของตัวเองที่มีผลต่อการดำเนินเรื่องออกมา หลายตัวละครเริ่มมีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะ จิงจิง จอมมารกระดูกขาวที่รับบทโดย คาเรน ม็อก เรียกว่าเป็นนางเอกของภาคนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อ 500 ปีที่แล้วนั้นเห้งเจียเคยเป็นคนรักของแม่นางจิงจิงมาก่อน มิหนำซ้ำยังเป็นคนที่ทำให้นางชอกช้ำและผิดหวังในความรักอีกต่างหาก 

ตัวละคร จิงจิง จึงเป็นตัวละครที่ดูโศกเศร้าและน่าสงสารที่สุดในเรื่อง เพราะตลอด 500 ปีที่ผ่านมานางไม่เคยตัดใจกับความรักที่นางมีต่อเห้งเจียได้เลย มาตอนนี้ก็ช่วยเหลือจุนเป่าจนตัวเองต้องตายเพราะเพียงเชื่อว่าเค้าคือเห้งเจียปีศาจลิงที่ตนยังคงรักอยู่เสมอมา การตายของจิงจิงได้เป็นเหตุให้จุนเป่าต้องใช้กล่องแสงจันทร์เพื่อย้อนเวลากลับไปช่วย แต่สุดท้ายกล่องแสงจันทร์ดันพาเค้าไปยังอดีตเมื่อ 500 ปีก่อน เพื่อพบว่าคนรักที่แท้จริงของจุนเป่าดันไม่ใช่จิงจิงซะอีก โลกช่างเล่นตลกกับคนบางคนที่ต่อสู้ด้วยชีวิตเพื่อความรัก เพียงแกล้งให้ความรักหันกลับมาฆ่าเค้าได้อย่างหน้าตาเฉย 

ถ้าไม่ใช่ชะตาที่สวรรค์ลิขิตไว้ ชาตินี้ชาติไหน ก็ไม่มีวันได้รักกัน