ค้นหาหนัง

A Chinese Ghost Story

A Chinese Ghost Story โปเยโปโลเย เย้ยฟ้าแล้วก็ท้า
เรื่องย่อ : A Chinese Ghost Story

เรื่องราวของบัณฑิตหนุ่ม หนิงไฉ่เฉิน ดั้นด้นรอนแรมสู่เมืองต่างๆเพื่อทำงานเก็บภาษีสรรพากร ณ หมู่บ้านห่างไกลแห่งหนึ่ง วันนั้นไร้โรงเตี้ยมให้พักค้างแรม คงเหลือแต่วัดร้างปลายดอยที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรมจนเลื่องลือชาว่าผีดุเสียกระไร เดินทางไปถึงพบเจอมือกระบี่นักพรต หยาน ซีเซีย และยามดึกดื่นค่ำคืนนั้นได้รู้จักหญิงสาวลึกลับ เนี่ย เสี่ยวเชี่ยนจำต้องขอความช่วยเหลือจากมือกระบี่นักพรต กำราบปราบผีชั่วตนนี้ให้สิ้นซาก

IMDB : tt0093978

คะแนน : 0



การถ่ายภาพมีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว โฉบเฉี่ยว มุมกล้องมีลักษณะแปลกประหลาด เงยถ่ายจากพื้น สร้างสัมผัสหลอนๆน่าสะพรึงกลัว, มุมก้มจากต้นไม้/ที่สูง เหมือนปีศาจมองลงมา, เอียงกระเท่เร่ (Dutch Angle) สะท้อนถึงโลกอีกใบ (โลกวิญญาณ) ที่ผิดแผกแตกต่างจากปกติ,

หลายๆอย่างของหนังรับแรงบันดาลใจจาก Evil Dead (1982) อาทิ การเคลื่อนกล้องบุคคลที่หนึ่ง (ให้สัมผัสเหมือนผีที่ล่องลอยตรงเข้ามาหา), เทคนิค Stop Motion ซอมบี้เคลื่อนไหวได้, ลิ้นของปีศาจต้นไม้ (อันนี้ตรงๆเลยกับ กิ่งไม้ขยับได้) ฯ แต่ที่แตกต่างคือการต่อสู้ด้วยวิทยายุทธ/กำลังภายใน พลังฝ่ามือ/ดัชนี หมัดมวย เพลงดาบ นี่ทำให้อรรถรสหนังผีเอเชียแตกต่างจากยุโรปและ Hollywood อย่างมาก (ที่มักใช้ ปืน เลื่อย มีดดาบ อุปกรณ์ข้างกายรอบตัวในการต่อกรสรรพผี)

มีฉากหนึ่งของหนังที่ไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่คือการไต่สวนในศาล (นี่ไม่ได้ล้อเลียนซีรีย์เปาบุ้นจิ้นนะครับ ยังอีกหลายปีกว่าจะเริ่มต้น) แต่เห็นว่าเป็นการอัญเชิญบุคคลสำคัญแห่งวงการหนังฮ่องกง ให้มาร่วม Cameo สร้างสีสันที่กลายเป็นไร้สาระยังไงก็ไม่รู้

ฉากไคลน์แม็กซ์ที่กลุ่มพระเอกหลุดเข้าไปในโลกวิญญาณ จัดเต็มเรื่อง Special Effect หมอกควัน ลมพัดแรง แค่เดินยังแทบไม่ตรง มีการใช้แสงสป็อตไลท์สีน้ำเงินสาดส่องจากเบื้องหลังไกล มองอะไรแทบไม่เห็นสักอย่าง รอบข้างมืดมิดสนิท มารู้ตัวอีกทีพบเห็นกำแพงก่อด้วยกระโหลกศีรษะ แทบสะดุ้งโหยงเลยละ

น่าเสียดายหาภาพเต็มๆของรูปวาดนี้ไม่ได้ คงมี หวัง จู่เสียน เป็นแบบให้เลยละ ถึงออกมาคล้ายคลึงขนาดนี้ ซึ่งข้อสังเกตคือการปล่อยสยายผม สะท้อนถึงการไร้ซึ่งพันธนาการยึดเหนี่ยวใดๆในโลกมนุษย์หรือวิญญาณ ภาพวาดที่ความงดงามของเธอจะคงอยู่ชั่วนิจนิรันดร์

ตัดต่อ…ไม่มีเครดิต…, เล่าเรื่องโดยใช้มุมมองของ หนิงไฉ่เฉิน ตั้งแต่เดินทางมาสู่เมืองแห่งนี้ พักแรมในศาลเจ้า ทั้งยังกระโดดเข้าไปในโลกวิญญาณ เพื่อให้ความช่วยเหลือผีสาวผู้เป็นที่รัก

หนึ่งในไฮไลท์ของหนังคือการตัดต่อ ทำการเรียงร้อยได้อย่างพริ้วไหว ฉับไว มีความลื่นไหลไถลต่อเนื่องให้สัมผัสชวนฝัน ดึงจิตวิญญาณของผู้ชมให้หลุดเข้าไปในโลกอีกใบหนึ่ง ที่จังหวะหัวใจแตกต่างจากปกติทั่วไป

ตอนที่หนิงไฉ่เฉิน หลบซ่อนตัวในอ่างอาบน้ำของ เนี่ย เสี่ยวเชี่ยน ต้องชมเลยว่าโดดเด่นทั้งการตัดต่อและเคลื่อนกล้องได้อย่างลื่นไหล…ไถล (สังเกตว่ามีสายลมพัดเอื่อยเฉื่อยเข้าหานักแสดงตลอดเวลา ทั้งๆที่อยู่ในห้องปิด) เพราะจำต้องปกปิดมนุษย์หนุ่มหลบซ่อนไว้ ทุกครั้งโผล่หน้าขึ้นมาหายใจจะสร้างความพิศวงสงสัย เดินเข้าไปกดหัวให้จมน้ำใหม่ หรือเมื่อคนอื่นจะชะโงกหน้าเข้าไปดูก็ต้องเลี้อยเล่นตัว แสร้งทำท่าโน่นนี่นั่นให้เบี่ยงเบนความสนใจอื่นแทน

เพลงประกอบโดย Romeo Diaz และ James Wong รายหลังโด่งดังกับบทเพลง Cantopop เคยร่วมงานกับฉีเคอะเรื่อง A Better Tomorrow (1986) ต่อจากนี้ที่เด่นๆ อาทิ The Swordsman (1990), Once Upon a Time in China (1991) ฯ

คงต้องเรียกว่าร่วมสมัย(นั้น) เพราะบทเพลงประกอบมีกลิ่นอาย Cantopop อยู่เต็มๆ ซึ่งถ้าเพลงไหนไม่มีคำร้อง ก็มักใช้เครื่องดนตรีพื้นบ้านของจีนแทรกแทนทำนองหลัก มอบสัมผัสไม่ค่อยหลอนสะพรึงเท่าไหร่ แต่เหมือนวิญญาณที่ล่องลอยเรื่อยเปื่อยออกจากร่าง

Main Theme ชื่อเพลง Sien nui yau wan แปลว่า A Chinese Ghost Story ขับร้องโดยเลสลี่ จาง, ผมคิดว่าสิ่งที่ผู้ชมสมัยปัจจุบันจะได้เพิ่มแตกต่างจากตอนออกฉาย คืออารมณ์สั่นไหวเสียดาย โหยหาคิดถึงเลสลี่ จาง เพราะการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของพี่แก ทำให้บทเพลงนี้มีความหลอนเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า

แค่เสียงกู่เจิง ก็ทำให้หัวใจสั่นสะท้านมากๆแล้ว ยังมีการเพิ่มเสียงโหยหวนสั่นสะท้าน (Echo) ของหญิงสาวเข้าไปอีก ยิ่งทำให้บทเพลงนี้มีสัมผัสดั่งวิญญาณล่องลอย พรรณาความงดงาม สมชื่อ Beauty โดยแท้

สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ตราตรึง น่าจะเหนือกาลเวลา คือคู่พระนาง เลสลี่ จาง กับ หวัง จู่เสียน ไม่เพียงการแสดงเข้าขากันดี แต่ยังถือเป็นคู่ชวนฝัน เพราะพวกเขามีความแตกต่าง มนุษย์-ผี ถูกขัดขวางต่างๆนานาสารพัด จนสุดท้ายแล้วได้ครองคู่เพียงไม่กี่ชั่วข้ามคืนแล้วจากกันชั่วชีวิตนี้ ทั้งยัง Ending Credit ประมวลผลเรียงร้อยทุกความทรงจำฉันและเธอ อำนวยอวยพรให้ชาติหน้าฟ้าใหม่จะได้มีโอกาสครองคู่รักใคร่ สุขสมหวังดั่งใจปองเสียทีเถอะนะ

แม้ภาพรวมจะไม่ได้ชื่นชอบหนังเท่าไหร่ รู้สึกเลยว่า Special Effect และหลายๆไดเรคชั่น เฉิ่มเชยตกยุคสมัยไปแล้ว แต่ก็มีส่วนประทับใจมากมาย เลสลี่ จาง เล่นดีมากๆ แถมยังได้ อู๋ หม่า คอยแย่งซีนอีก, การตัดต่อถือว่าหลุดโลกไปเลย และเพลงประกอบไพเราะชวนฝันสุดๆ

แนะนำคอหนังผี แนวรักโรแมนติกเพ้อฝัน, Special Effect อลังการในสไตล์ทศวรรษ 80s, เคยอ่าน โปเยโปโลเย หรือผลงานประพันธ์ของผู ซงหลิง, แฟนๆผู้กำกับ เฉิงเสี่ยวตง และนักแสดงนำ เลสลี่ จาง, หวัง จู่เสียน ไม่ควรพลาด